บัตรพลาสติกมีกี่ประเภท บัตรแต่ละแบบใช้งานอย่างไรบ้าง

บัตรพลาสติก ที่พบเห็นใช้งานโดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ

1. บัตรพลาสติกพีวีซี (PVC card)

2. บัตรสมารท์การ์ด (Smart card)

2.1 บัตรแบบสัมผัส : ชิปการ์ด บัตรแถบแม่เหล็ก

2.2 บัตรแบบไร้สัมผัส : RFID (Proximity Mi-fare UHF HID NFC)

1. บัตรพลาสติกพีวีซี (PVC card)

หรือที่เรียกกันว่า “บัตรขาวเปล่า” ก็คือบัตรพลาสติก เรียบๆธรรมดาๆ ที่ทำจาก Polyvinyl chloride หรือ PVC มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน มีขนาดที่ได้มาตรฐาน ISO 7810 (85.60×53.98 mm.) ซึ่งเรามักจะคุ้นตาในขนาดที่เรียกกันคร่าวๆว่า 86x54mm. หรือ 8.6×5.4cm. ซึ่งจริงๆแล้วยังสามารถสั่งทำขนาดพิเศษทั้งเล็กและใหญ่ได้ตามต้องการ เช่น บัตรสมาชิกแบบพวงกุญแจขนาดเล็ก หรือบัตรStaff เข้างาน ขนาดใหญ่

บัตรพลาสติก ขาวเปล่า PVC card ขนาดมาตรฐาน ขนาดบัตร 8.6x5.4 cm.
บัตรพลาสติก ขนาด 8.6x5.4 cm.
บัตรพลาสติก ขนาดพิเศษ ตามสั่ง
บัตรขนาดเล็ก
พิมพ์บัตรขนาดใหญ่พิเศษ บัตรงานประชุม สัมมนา แข็งขันกี่ฬา บัตรประจำตัวงานEvent
บัตรใหญ่ขนาดพิเศษ

ส่วนความหนาก็มีให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาด ที่พบเห็นใช้งานกันบ่อยๆ คือ 

  • 0.3mm เหมาะสำหรับทำนามบัตร(นามบัตรพลาสติก) บัตรของขวัญสำหรับแนบกับสินค้า หรือพิมพ์บัตรพนักงานเพื่อนำบัตรไปแปะกับบัตรสมาร์ทการ์ดรุ่นอื่นๆ
  • 0.5mm. เหมาะสำหรับทำบัตรสมาชิก บัตรคอนเสิร์ต บัตรที่ต้องการให้พกพาสะดวก ไม่เป็นทางการมาก
  • 0.76mm. เหมาะสำหรับทำบัตรพนักงาน บัตรประจำตัว บัตรผ่านประตู บัตรสมาชิก หรือบัตรอื่นๆที่ต้องการความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน

บัตรพลาสติกพีวีซี สามารถใช้งานกับเครื่องพิมพ์ได้หลากหลายระบบทั้งเครื่องพิมพ์Inkjet, Ribbon, Retranfer, UV, Offset และอื่นๆ แต่ข้อควรระวังคือ การพิมพ์บัตรพลาสติกในบางระบบ จำเป็นต้องใช้บัตรสำหรับการพิมพ์ระบบเดียวกันเท่านั้น เช่น บัตรสำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท และบัตรที่ใช้กับเครื่องพิมพ์หมึกริบบ้อน ทางที่ดีควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนทุกครั้งว่าบัตรและเครื่องพิมพ์ที่มีนั้น สามารถใช้งานร่วมกันได้

 

บัตรพลาสติกขาวเปล่านี้ไม่มีชิพ ไม่มีแผ่นแม่เหล็ก หรือคลื่นส่งสัญญาณฝังในตัวบัตร จึงไม่สามารถเก็บ บันทึกหรืออ่านข้อมูลใดๆได้ แต่สามารถเพิ่มคุณสมบัติอื่นๆเข้าไปในการออกแบบบัตรเพื่อยืนยันตัวตนผู้ถือบัตรได้ เช่น การรันนัมเบอร์ แถบลายเซ็น การใส่บาร์โค้ด หรือ QR code เป็นต้น

2. บัตรสมารท์การ์ด (Smart card)

บัตรสมาร์ทการ์ด คือ บัตรที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ ทั้งนี้จะประมวลโดยการอ่าน เขียน บันทึก ลบ หรือคุณสมบัติใดนั้น ขึ้นอยู่ความสามารถของบัตรแต่ละรุ่น ว่าใช้เทคโนโลยีอะไร และเพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง 

 

ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกจะมีขนาดมาตรฐานเท่ากับบัตรเอทีเอ็ม ทั้งความกว้างและความหนา แต่ก็จะมีบัตรบางรุ่นที่มีขนาดพิเศษต่างออกไปและมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยเช่นกัน

 โดยบัตรสมาร์ทการ์ด สามารถแบ่งตามวิธีการรับส่งข้อมูลได้เป็น 2 ประเภท คือ บัตรแบบสัมผัส (Contact smart card) และ บัตรแบบไร้สัมผัส (Contactless smart card)

2.1. บัตรสมาร์ทการ์ดแบบสัมผัส (Contact smart card)

 บัตรที่สามารถประมวลผลข้อมูลในบัตรได้โดยการใช้บัตรสัมผัสกับเครื่องอ่านโดยตรง เช่น การรูด หรือการเสียบบัตรเข้าไปในเครื่องอ่านบัตร(Card reader) เพื่อให้เครื่องส่งผ่านข้อมูลผ่านตัวเก็บข้อมูลที่อยู่บนบัตร โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูงและได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยบัตรที่ใช้ระบบสัมผัสมีดังนี้

บัตรแถบแม่เหล็ก (Magnetic Card)

บัตรพลาสติกสีขาวขนาดมาตรฐานเท่าบัตรเอทีเอ็ม มีแถบสีดำด้านหลัง เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีในบัตรเดบิต บัตรเครดิตจากธนาคาร ทำจากฟิล์มพลาสติกที่เป็นตัวเก็บข้อมูล ส่งผ่านข้อมูลในบัตรไปอย่างเครื่องอ่านโดยการรูดแถบแม่เหล็กนั้นเข้ากับเครื่องอ่าน เป็นเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลรุ่นแรกๆ ที่ได้รับการยอมรับจากหลายอุตสาหกรรมทั้งการบิน การธนาคาร บัตรสะสมแต้ม บัตรโดยสารรถไฟต่างๆ ล้วนใช้บัตรแถบแม่เหล็กในการเก็บข้อมูลทั้งสิ้น 

 

แต่ข้อเสียของบัตรแถบแม่เหล็ก คือ แถบแม่เหล็กที่อยู่ด้านหลังบัตรซึ่งมองเห็นและสัมผัสได้โดยตรงนี้ หากเกิดการเสียบสีจนเป็นรอย อาจส่งผลให้เครื่องอ่านไม่สามารถอ่านข้อมูลภายในบัตรได้ เปรียบเหมือนแผ่นซีดีที่มีรอยขูดขีดที่ไม่สามารถเล่นในเครื่องอ่านได้อย่างต่อเนื่องยังไง อย่างงั้น (แหม่! เปรียบเทียบซะบอกอายุเลย)

บัตรแถบแม่เหล็ก และเครื่องรูดบัตร
เครื่องรูดบัตรแถบแม่เหล็ก

แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่พัฒนาระบบความปลอดภัยแบบใหม่ออกมา ให้มีความปลอดภัยสูงขึ้นอีก จนทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องออกมาประกาศให้ทุกธนาคาร จากเดิมที่ใช้บัตรเดบิต/เครดิตระบบแถบแม่เหล็กเพียงอย่างเดียว ให้ทะยอยเปลี่ยนมาใช้บัตรชิปการ์ดแทนภายในปี 2563 และบัตรชิปการ์ดระบบใหม่ที่ว่านี้เอง ที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไป…

บัตรชิปการ์ด (Chip card)

บัตรพลาสติกขนาดมาตรฐาน 8.6×5.4 cm. ทั่วไปแต่จะสังเกตเห็นชิ้นส่วนชิปเล็กๆหน้าตายคล้ายซิมโทรศัพท์มือถือขนาดประมาณ 1.5 cm. สีเงินหรือสีทอง ฝังอยู่บนตัวบัตร ชิปบนบัตรนี้เองที่เป็นตัวบันทึกและประมวลผลข้อมูลต่างๆ เหมาะกับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงในการเก็บรักษาข้อมูล เช่น บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม หรือ บัตรประขาขน

บัตรชิปการ์ด (Chip card)
2.2. บัตรสมาร์ทการ์ดแบบไร้สัมผัส (Contactless smart card)

บัตรสมาร์ทการ์ดแบบไร้สัมผัส คือ บัตรที่สามารถประมวลผลข้อมูลของบัตร และส่งผ่านข้อมูลกับเครื่องอ่านได้ โดยที่บัตรไม่ต้องสัมผัสโดยตรงกับเครื่อง เพียงแค่นำบัตรเข้าใกล้ในระยะที่เครื่องอ่านสามารถรับสัญญาณได้ถึงก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีการรับสัญญาณระยะไกลแบบนี้เราเรียกว่า RFID (อาร์เอฟไอดี) ย่อมาจาก Radio Frequency IDentification หรือการสื่อสารระบุตัวตนผ่านคลื่นคลวามถี่วิทยุ มีหน่วยวัดเป็น Hz (Hertz) เราจึงเรียกบัตรสมาร์ทการ์ดที่ใช้เทคโนโลยีนี้ว่า บัตร RFID หรือหลายคนจะคุ้นเคยกับการเรียกรวมๆว่า บัตรคีย์การ์ด นั่นเอง

 

บัตรRFID เมื่อดูภายนอกจะเหมือนกันบัตรพลาสติก PVC ทั่วไป แต่เมื่อมองผ่านแสง หรือเอาไฟฉายส่อง จะเห็นขดลวดด้านในบัตร ไว้ใช้สำหรับเป็นเสาสื่อสัญญาณ และเก็บรักษาข้อมูลในบางกรณี 

 

โดยเราสามารถแบ่งประเภทบัตรได้ตามคลื่นความถี่ของบัตร ดังนี้

บัตรProximity คลื่นความถี่ต่ำ 125kHz

บัตรพร็อคซิมิตี้ มีคลื่นความถี่ต่ำ (Low Frequency-LF) อยู่ที่ 125kHz การรับส่งข้อมูลกับเครื่องอ่านบัตรจะเป็นเพียงการอ่าน serial number หรือ unit number หมายเลขประจำบัตรที่ถูกกำหนดไว้ให้ไม่ซ้ำกันเลย ไม่สามารถเขียน หรือบันทึกข้อมูลเพิ่มได้ แต่ถือว่ามีราคาถูกเมื่อเทียบกับความสามารถที่นำไปใช้งานได้หลากหลาย

คุณสมบัติของบัตร

• คลื่นความถี่ 125 kHz

• ขนาด 86×54 มม.  มีความหนา 2 ขนาดคือ 0.8 และ 1.8 มม.

• บัตรแบบหนา (บัตรหลังเต่า) จะถูกเจาะรูเม็ดข้าวไว้ทุกใบ

• บัตรทุกใบจะมีตัวเลข serial number ประจำบัตร

• สามารถอ่านได้อย่างเดียว

การนำไปใช้งาน บัตรคีย์การ์ด บัตรผ่านประตู บัตรพนักงานใช้สแกนบัตรเข้า-ออกสำนักงาน เป็นต้น

ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Proximity 125k 0.8 มม.
ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Proximity 125k หนา 0.8mm.
ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Proximity 125k 1.8 มม.
ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Proximity 125k หนา 1.8mm.

บัตรMifare คลื่นความถี่สูง 13.56MHz

บัตรมายแฟร์ มีคลื่นความถี่สูง (High Frequency-HF) อยู่ที่ 13.56MHz  เป็นบัตรที่มีหน่วยความจำ (Memory chip) ฝังอยู่ด้านใน ทำให้สามารถเขียนข้อมูลลงในบัตรได้ เช่น การบันทึกเวลาเข้างาน การบันทึกยอดเงินคงเหลือ การระบุวัน-เวลาที่บัตรสามารถใช้ผ่านประตูได้ เป็นต้น ส่วนเรื่องราคา ถือว่าค่อนข้างหลากหลาย เนื่องจากมีหน่วยความจำให้เลือกหลายแบบรวมถึงบางยี่ห้อที่มีความปลอดภัยสูงก็อาจมีราคาสูงตามไปด้วยเช่นกัน

คุณสมบัติของบัตร

• คลื่นความถี่ 13.56MHz 

• ขนาด 86×54 มม.  หนา 0.76- 0.8 มม.

• ความจุเริ่มต้นที่ 1K , 2K และ 4K

• ระยะอ่านบัตร 10 cm.

• สามารถอ่าน เขียน บันทึก และลบข้อมูลได้

การนำไปใช้งาน บัตรคีย์การ์ดโรงแรม บัตรผ่านประตู บัตรลานจอดรถ บัตรนักเรียน บัตรพนักงาน บัตรบันทึกเวลาเข้างาน บัตรศูนย์อาหาร บัตรAccess control

ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Mifare 13.56mHz
ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Mifare 13.56mHz

บัตรUHF คลื่นความถี่ยิ่ง 860-960MHz

บัตรUHF มีคลื่นความถี่สูงยิ่ง (Ultra High Frequency-UHF) อยู่ที่ 860-960MHz  เป็นบัตรที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุสูงมาก บัตรนี้จึงสามารถอ่านกับตัวเครื่องได้จากระยะไกล 3-20 เมตร มีหน่วยความจำด้านใน(Memory chip) สามารถอ่าน-เขียนข้อมูลเพิ่มได้

คุณสมบัติของบัตร

• คลื่นความถี่ 860-960MHz

• ขนาด 86×54 มม.  หนา 0.8 มม.

• ระยะอ่านบัตร 3-20 เมตร

• สามารถอ่าน เขียน บันทึก ข้อมูลได้

การนำไปใช้งาน บัตรผ่านไม้กั้นประตูระยะไกล ระบบโลจิสติกส์ 

ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID UHF
ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID UFH บัตรอ่านระยะไกล

Tips: บัตร Dual คือ บัตรที่รวม 2 คลื่นความถี่เอาไว้ในใบเดียวกัน เช่น บัตรDual = Mifare + Prox หรือ Mifare + UHF  

ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Dual card บัตร2 ระบบ
ขดลวดแม่เหล็กด้านในบัตร RFID Dual card บัตร2 ระบบ

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทและการใช้งานบัตร เรายินดีให้คำปรึกษาฟรี พร้อมบริการอื่นๆอีกมากมาย ทั้งจัดจำหน่ายบัตรพลาสติก บัตรคีย์การ์ด บัตร RFID เครื่องพิมพ์บัตร รวมถึงบริการออกแบบและรับพิมพ์บัตรให้คุณได้อย่างครบวงจร ติดต่อหาเราเพียงคลิก…

สรุป บัตรพลาสติก แบ่งตามคุณสมบัติแล้วมี 2 ประเภท คือ

1. บัตรพลาสติก พีวีซี หรือ บัตรขาวเปล่า (PVC card) ไม่มีระบบใดๆ 

2. บัตรสมาร์ทการ์ด (Smart card) คือ บัตรที่สื่อสารข้อมูล หรือประมวลผลได้ แบ่งตามการใช้งานได้ 2 แบบคือ แบบสัมผัส และแบบไร้สัมผัส

2.1. บัตรสมาร์ทการ์ดแบบสัมผัส (Contact smart card) คือบัตรที่ต้องสัมผัสกับเครื่องอ่านโดยตรง ได้แก่ บัตรแถบแม่เหล็ก และบัตรชิปการ์ด 

2.2. บัตรสมาร์ทการ์ดแบบไร้สัมผัส (Contactless smart card) คือบัตรที่ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับเครื่องอ่าน สามารถอ่านบัตรได้จากระยะที่สัญญาณไปถึง ผ่านคลื่นความถี่วิทยุ  ได้แก่ บัตรRFID (Proximity, Mifare, UHF)

บัตรProximity กับ Mifare ต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติของบัตรProximity

คลื่นความถี่ต่ำ 125 kHz

• ขนาด 86×54 มม.  

 ความหนา  0.8 และ 1.8 มม.

• บัตรแบบหนา 1.8 มม. (บัตรหลังเต่า) จะถูกเจาะรูเม็ดข้าวไว้ทุกใบ

• บัตรทุกใบจะมีตัวเลข serial number ประจำบัตร

• สามารถอ่านได้อย่างเดียว

คุณสมบัติของบัตรMifare

• คลื่นความถี่ 13.56MHz 

• ขนาด 86×54 มม.  

 หนา 0.8 มม.

• ความจุเริ่มต้นที่ 1K , 2K และ 4K

• ระยะอ่านบัตร 10 cm.

• สามารถอ่าน เขียน บันทึก และลบข้อมูลได้

บทความที่คุณอาจจะสนใจ