ปัญหาคลาสสิกที่มักจะเจอกันในวงการพิมพ์งานทุกชนิด ทั้งงานกระดาษ ไวนิล พลาสติก ผ้า และอื่นๆ คือ สีงานจริงออกมาไม่ตรงกับ สีในหน้าจอ มันเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
เพื่อตอบปัญหาคาใจใครหลายคน เราได้รวบรวมปัจจัยต่างๆที่มีผลทำให้ สีงานจริงออกมาเพี้ยนไปจากแบบที่ทำไว้ในจอแสดงผลในทีแรก สาเหตุอาจมีรายละเอียดได้มากมายตามแต่วงการพิมพ์ แต่เราจะขอยกตัวอย่างหัวข้อใหญ่ๆที่มักจะเจอเหมือนกันในทุกที่มาให้พิจารณาดู เพื่อให้เราได้ทำความเข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
1. การตั้งค่าสีหน้าจอแสดงผลในแต่ละอุปกรณ์ต่างกัน
คุณยังจำตอนที่เดินผ่านร้านทีวีแล้วเขาเปิดภาพเดียวกันในทีวีหลายๆรุ่นให้คุณเห็นพร้อมๆกันได้มั้ย คุณจะเห็นว่าภาพเดียวกันที่โชว์ในทีวีแต่ละรุ่น ให้สีที่แตกต่างกันออกไป
เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป และมือถือ อุปกรณ์แต่ละชนิดมีความละเอียดและคุณภาพการแสดงผลที่ต่างกัน ส่งผลให้งานที่เราออกแบบไว้จนได้เฉดสีที่พอใจ แต่พอส่งงานไปเปิดในจอเครื่องอื่นกลับให้สีที่ไม่เหมือนกัน
ส่วนนี้ถึงจะเป็นปัญหาที่ดูจะแก้ยาก แต่ในความเป็นจริงถือเป็นเรื่องที่พอจะมองข้ามกันได้ เพราะถ้าจะแก้กันจริงๆคือต้อง คาลิเบรท (calibrate) หน้าจอให้สีตรงกันทุกเครื่องซึ่งมีความยุ่งยากและมีค่าใช้จ่าย เหมาะกับโรงพิมพ์มากกว่าจะทำกับคอมพิวเตอร์ออฟฟิศทั่วไป
Calibrate การคาลิเบรทหน้าจอ คือ การปรับตั้งค่าหน้าจอให้แสดงผลสีออกมาตรงกับสีที่พิมพ์ออกมาจริงๆ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญและต้องค่อยปรับจูนให้ตรงกันอย่างสม่ำเสมอ
หากกรณีที่นักออกแบบต้องการความแม่นยำของสีมากๆ อาจแก้ปัญหาโดยกำหนดค่าสี CMYK กำกับไว้ให้เลยก็จะช่วยแก้ปัญหาจากต้นทางได้
2. การกำหนดค่าสีแบบ RGB และ CMYK
หน้าจอแสดงผลของอุปกรณ์ที่เราใช้กัน ใช้ระบบสีRGB คือวิธีการผสมแสง R(Red) + G(Green) + B(Blue) = แสงสีขาว หมายถึงถ้าหลอดPixelของทั้ง 3 สีเปล่งแสงพร้อมกันจะได้แสงสีขาวออกมาในที่สุด
ระบบสีRGB เหมาะกับงานออกแบบที่ต้องแสดงผลบนหน้าจอเป็นหลัก เช่น ออกแบบเว็บไซต์ Adsโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์
ส่วนงานพิมพ์ต่างๆจะใช้การกำหนดค่าสีระบบCMYK คือการผสมสีแบบทึบแสง Cyan(Blue) + Magenta(Pink) + Y (Yellow) + K (Black) = หมึกสีดำ หมายถึง ถ้าเราผสมหมึกทุกสีรวมกัน สีที่ได้จะออกมามืดจนเกือบดำสนิทนั่นเอง
ระบบสี CMYK เหมาะกับงานออกแบบประเภทสื่อสิ่งพิมพ์เช่น Packaging กระดาษ ผ้า พลาสติก และงานพิมพ์ physical ที่ต้องผลิตออกมาผ่านเครื่องพิมพ์ทุกประเภท
ซึ่งโดยขั้นตอนแล้วเราจะออกแบบชิ้นงานผ่านหน้าจอที่แสดงผลแบบระบบRGB แต่พิมพ์งานออกมาผ่านเครื่องพิมพ์ระบบCMYK เพราะฉะนั้นจึงเป็นอีกสาเหตุให้สีงานจริงที่ออกมา ไม่เหมือนที่เห็นตอนออกแบบในหน้าจอ
วิธีแก้ปัญหานี้คือ การปรับค่าสีงานออกแบบให้เป็นระบบCMYK ตั้งแต่ต้นเสียก่อน เพื่อให้ระบบแสดงผลออกมาใกล้เคียงกันกับงานพิมพ์
กาาออกแบบโดยใช้สีระบบRGB แล้วจะแปลงให้เป็นค่าCMYK ภายหลัง อาจทำไม่ได้ในบางสี เนื่องจากสีระบบRGB จะมีความละเอียดของสีมากกว่า หมายถึงมีจำนวนสีที่ผสมได้หลากหลายเฉดมากกว่าสีในระบบCMYKนั่นเอง
3. การตั้งค่าเครื่องพิมพ์
คล้ายกับการตั้งค่าหน้าจอแสดงผลนั่นเอง แต่ส่วนนี้อาจจะควบคุมได้ค่อนข้างยากเพราะขึ้นอยู่กับโรงพิมพ์แต่ละโรงว่าจะตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของตัวเองไว้แบบไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพิมพ์อะไรด้วย เครื่องปริ้นกระดาษ ไวนิล พลาสติก ผ้า และวัสดุอื่นๆ ล้วนมีหลายระบบการพิมพ์ทั้งอิงค์เจ็ท(Inkjet) ออฟเซ็ท(Offset) ยูวี(UV) Heat transfer Sublimation Silkscreen และอื่นๆอีกมากมาย
เพียงคุณต้องการพิมพ์บัตรพนักงานจากไฟล์เดียวกัน แต่พิมพ์ด้วยระบบที่ต่างกัน เช่น พิมพ์บัตรพนักงาน จากเครื่องinkjet, offset, retransferและUV ลงในวัสดุเดียวกัน ก็ย่อมจะได้สีและคุณภาพที่ต่างกันอย่างแน่นอน
4. พื้นผิววัสดุที่ใช้พิมพ์
อีกปัจจัยที่ค่อนข้างให้ผลลัพธ์การพิมพ์ที่หลากหลาย นั่นคือวัสดุที่ใช้พิมพ์ เช่นเดียวกัน หากเราพิมพ์งานจากไฟล์เดียวกัน ด้วยเครื่องพิมพ์เดียวกัน ระบบเดียวกัน แต่พิมพ์ลงบนวัสดุที่มีพื้นผิวต่างกันเช่น การพิมพ์โบว์ชัวร์โดยใช้อาร์ตเวิร์คเดียวกัน พิมพ์ลงบนกระดาษอาร์ตมันและกระดาษปอนด์ คุณภาพสีและความคมชัดที่ได้ก็จะต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หรืออีกตัวอย่างคือ พิมพ์ลายเดียวกันลงบนวัสดุผ้าและวัสดุที่เป็นบัตรพลาสติก ก็จะให้ผลลัพธ์สีที่ต่างกันด้วยเช่นกัน
หากคุณกำลังคิดจะสร้างแบรนด์ และอยากพิมพ์โลโก้แบรนด์ไว้ในจุดต่างๆ ทั้งบนเว็บไซต์ แพคเกจจิ้ง ป้ายชื่อร้าน บัตรพนักงาน และอื่นๆ โปรดทราบไว้เสมอว่าค่าสีเดียวกัน แต่พิมพ์ออกมาต่างวิธี ต่างวัสดุ ต่างเวลา ย่อมให้ผลออกมาต่างกัน การตรวจสอบด้วยตาเปล่าอยู่เสมอ จึงอาจจะเป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่ได้ผล
สำหรับลูกค้าที่ต้องการสีที่เฉพาะเจาะจงมากๆ หรือมีค่าสีที่ต้องความถูกต้องแม่นยำสูง ในงานพิมพ์สายคล้องคอและบัตรพนักงาน สามารถแจ้งขอดูตัวอย่างงานจริงกับทางฝ่ายขายได้ ซึ่งโดยทั่วไปผลงานของบริษัทตลาดการ์ด จะให้ผลงานจริงออกมาใกล้เคียงกับไฟล์ต้นฉบับ +- ไม่เกิน 10% ซึ่งถือเป็นเรทที่สามารถเกิดขึ้นได้ในงานพิมพ์ทั่วไป
